ถ้าหากเราเห็นน้องหมานอนอาบแดดกันในช่วงที่มีอากาศเย็น หรือช่วงหน้าหนาว คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะน้องหมาอาจต้องการสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย ... แต่ เอ๊ะ! นี่ก็เข้าหน้าร้อนมาพักใหญ่ๆ แล้ว ทำไมเรายังเห็นน้องหมาบางตัวนอนกลางแดด เอาตัวแนบพื้นปูนร้อนๆ ขนาดคนอย่างเราๆ แค่เดินตากแดดไม่กี่นาทียังรู้สึกแสบตัว แล้วน้องหมาล่ะ พวกเขาลงไปนอนอาบแดดกับพื้นเขาไม่ร้อนหรือ? 

 

     ... ถ้าเพื่อนๆ คนไหนสงสัยเหมือนกันกับพริกล่ะก็ วันนี้พริกมีคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้มากฝากเพื่อนๆ กันค่ะ ...

 

 

 

 

 

 

     แสงอาทิตย์โดยเฉพาะเวลาประมาณ 7-9 โมงเช้า จะให้ความรู้สึกอบอุ่นกำลังดีช่วยทำให้น้องหมารู้สึกสดชื่น ตัวเบาสบายผ่อนคลาย นอนหลับพริ้มฝันหวาน นั่นก็เพราะว่า เมื่อร่างกายได้รับความร้อนเส้นเลือดจะขยายตัวขึ้น เลือดลมไหลเวียนดี กล้ามเนื้อผ่อนคลาย จึงทำให้รู้สึกตัวเบาสบาย และสดชื่นค่ะ 

 

     นอกจากนี้แล้วแสงอาทิตย์ยังส่งผลต่อระดับเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสื่อประสาทที่ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นสุข ช่วยควบคุมอารมณ์ให้ผ่อนคลายความเครียด ทั้งยังควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย โดยแสงอาทิตย์จะช่วยให้เซโรโทนินอยู่ในระดับที่เหมาะสมค่ะ แต่ถ้าไม่มีแดดนี่สิจะเป็นปัญหากับน้องหมา เพราะจะทำให้พวกเขารู้สึกเครียด ซึมเศร้า หรือเบื่อหน่ายได้ค่ะ  

 

 

 

 

     ในเวลาเที่ยงแดดเปรี้ยงๆ  น้องหมาส่วนใหญ่จะรับรู้อุณหภูมิของร่างกายตัวเองค่ะว่า สามารถทนต่อความร้อนได้แค่ไหน พวกเขาจะนอนอาบแดดสักพัก แล้วก็เดินเข้าที่ร่ม ดื่มน้ำลดอุณหภูมิในร่างกาย ถ้ายังเพลิดเพลินกับการอาบแดด น้องหมาก็ออกมานอนต่ออีกค่ะ แต่ถ้าเพื่อนๆ คนไหนเลี้ยงน้องหมาหน้าสั้น หรือน้องหมาที่ทนความร้อนได้น้อย มีโอกาสเป็นฮีทสโตรกหรือลมแดดได้ง่าย ก็ไม่ควรปล่อยให้น้องหมานอนอาบแดดนานๆ นะคะ เพราะบางตัวนอนเพลินนานเกินไป รู้สึกอ่อนเพลีย จนทำให้ไม่อยากลุกไปไหน เลยนอนแช่ไปเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการฮีทสโตรก และภาวะขาดน้ำได้โดยไม่รู้ตัวนะคะ  (เพื่อนๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมเรื่องพฤติกรรมน้องหมากับสภาพอากาศได้ที่บทความ จริงหรือไม่??? สภาพอากาศส่งผลต่อพฤติกรรมน้องหมา นะคะ)

 

 

 

 

 

    อันที่จริงแล้วร่างกายน้องหมาก็เหมือนกับคน นอกจากแสงอาทิตย์จะช่วยให้ผ่อนคลาย กระชุ่มกระชวย สดชื่น อย่างที่บอกไปแล้ว อีกทั้งรังสีอัลตร้าไวโอเลตที่อยู่ในแสงอาทิตย์ยังสามารถปรับเปลี่ยนคอลเลสเตอรอลที่อยู่ใต้ผิวหนังมาเป็นวิตามินดีเพื่อไปช่วยในการดูดซับแคลเซียม และ ฟอฟอรัสบำรุงกระดูก ฟัน และเส้นขนให้แข็งแรง และยังป้องกันความอ่อนของกล้ามเนื้อร่างกาย ช่วยในเรื่องระบบการหมุนเวียนเลือดให้ดีขึ้น อย่างที่เรารู้ๆ กันค่ะ แต่รังสีอัลตร้าไวโอเลตที่ใช้ในการสังเคราะห์วิตามินดี จะมีมากในช่วง 7-9 โมงเช้านะคะ ถ้าเวลาอื่นถือว่าไม่เหมาะที่จะนอนอาบแดดเพื่อรับวิตามินดี เพราะอาจทำให้เสี่ยงเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้เช่นเดียวกับคนค่ะ 
 

     น้องหมาจะสามารถรับรู้ได้ถึงรังสีอัลตร้าไวโอเลตที่อยู่ในแสงอาทิตย์ซึ่งดวงตาของคนเรามองไม่เห็นค่ะ ร่างกายของน้องหมาจะสามารถตอบสนองได้ดีกับรังสีอัลตร้าไวโอเลต กระตุ้นให้พวกเขาอยากออกไปนอกบ้านอยู่กลางแดด การนอนอาบแดดประมาณ 20 นาทีถือว่าเพียงพอสำหรับการได้รับวิตามินดีเข้าสู่ร่างกายน้องหมาแล้วล่ะค่ะ อย่างไรก็ตาม หากเป็นน้องหมาที่ร่างกายไม่แข็งแรง ทนร้อนไม่ค่อยได้ หรือน้องหมาชรา ก็อาจจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด หรือลดเวลาลงหรือประมาณ 10- 15 นาทีพอค่ะ  

 

 

 

 

     ทั้งนี้รังสีอัลตร้าไวโอเลตจะเปลี่ยนไขมันที่อยู่บนผิวหนังน้องหมาเช่นเดียวกับคน จะต่างกันตรงที่น้องหมามีขนมาก วิตามินดีจะเกาะอยู่ตามเส้นขนแทนที่จะซึมเข้าผิวหนัง หรืออาจจะมีซึมผ่านไปได้บ้างแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ น้องหมาจะได้รับวิตามินดีจากการเลียขนตัวเองเพื่อทำความสะอาด โดยที่วิตามินดีจะซึมผ่านเข้าสู่ร่างกายจากทางปาก หรือจากการเลียนั่นเองค่ะ ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีงานกรณีศึกษาระบุว่า น้องหมาเป็นสัตว์ที่สามารถดูดซึมรับวิตามินดีจากแสงอาทิตย์ได้ค่อนข้างน้อย ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายน้องหมาจะรับวิตามินดีได้จากการกินอาหาร เช่น ตับสัตว์ ไขมัน ปลาทู ปลาแซลมอน ไข่แดง เนื้อวัว บล็อคโคลี่ เป็นต้นค่ะ (อาหารสำเร็จรูปจะมีการตวงวัดปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของน้องหมาไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ) ในขณะที่คนเราจะสามารถรับวิตามินดีจากแสงอาทิตย์ผ่านทางผิวหนังได้โดยตรงจึงรับวิตามินดีจากแสงอาทิตย์ได้ดีกว่าค่ะ

 

 

 

     ระยะเวลาในการนอนอาบแดดของน้องหมาควรอยู่ในระหว่าง 15 – 20 นาทีในแต่ละวันก็ถือว่าเพียงพอแล้วต่อการได้รับวิตามินดีจากแสงแดด เพราะถ้ามากหรือนานกว่านั้นอาจจะมีผลต่อสุขภาพน้องหมาได้นะคะ เราผู้เลี้ยงจึงควรดูแลน้องหมาที่ชอบนอนอาบแดดอย่างใกล้ชิด มิฉะนั้นอาจเสี่ยงทำให้เกิดอาการดังต่อไปนี้ค่ะ

 

     เสี่ยงต่อผิวไหม้แดด

 

 

 

 

     ถึงน้องหมาจะมีขนแต่ก็ใช่ว่าขนน้องหมาสามารถปกป้องแสงแดดได้นะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้องหมาที่มีขนสั้น ขนน้อย ขนสีขาว หรือขนสีสว่างๆ (ในน้องหมาขนสีขาวจะเป็นมะเร็งผิวหนังที่เกิดจากการสัมผัสรังสีอัลตร้าไอโอเลตได้มากกว่าขนสีเข้มค่ะ) น้องหมาที่มีจมูกและขอบตามีสีอ่อนไม่เข้มก็จะมีแนวโน้มเกิดผิวไหม้แดดได้ง่ายอีกด้วย นอกจากนี้น้องหมาขาสั้นก็ต้องระวังเช่นกันค่ะ เพราะท้องของน้องหมาจะอยู่ใกล้กับพื้นปูน หรือพื้นคอนกรีตซึ่งมีการสะท้อนของความร้อนจากแสงทิตย์ทำให้ผิวไหม้ได้เช่นกันค่ะ 

 

      การสังเกตว่าน้องหมาผิวไหม้แดดหรือไม่ ดูได้จากผิวซึ่งจะมีลักษณะเป็นสีแดง มีรอยพอง ผิวหนังลอกบริเวณท้องหรือบริเวณที่ไม่มีขนปกคลุม ถ้าแผลมีลักษณะติดเชื้อให้รีบไปพบสัตวแพทย์ทันทีค่ะ ดังนั้นถ้าไม่อยากให้น้องหมาต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการผิวไหม้แดดและมะเร็งผิวหนัง ก็ควรหาครีมกันแดดสำหรับน้องหมาหรือสำหรับเด็กซึ่งเป็นสูตรบอบบางมาทาให้เขานะคะ โดยทาบริเวณที่ผิวหนังบอบบางไม่มีขนปกคลุมค่ะ ทางที่ดีควรครีมกันแดดสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้ครีมกันแดดที่มีที่มีส่วนผสมของ Zinc Oxide และสารที่เป็นพิษอื่น ๆ  เพราะถ้าน้องหมาเลียครีมกันแดดเข้าไปก็จะทำให้เขาได้รับสารพิษซึ่งเป็นอันตรายต่อน้องหมาค่ะ และถึงแม้จะให้ทาครีมกันแดดแล้ว ก็ไม่ควรให้อิสระแก่น้องหมานอนตากแดดนานจนเกินไปนะคะ ให้พวกเขานอนตากแดดประมาณ 20 นาที พอค่ะ

 

 

     เสี่ยงต่ออาการฮีตสโตรก 

 

 

 

 

     ถ้าเพื่อนๆ ได้เข้าไปอ่านบทความ ไขข้อสงสัย!.....น้องหมามีวิธีการระบายความร้อนอย่างไร จะทราบว่าอุณหภูมิในร่างกายของน้องหมาสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งพวกเขาไม่มีต่อมเหงื่อบริเวณผิวหนังอย่างคนเราจะช่วยระบายความร้อนได้มากๆ แต่จะระบายความร้อนโดยการหายใจหอบ และจากต่อมเหงื่อบริเวณอุ้งเท้ากับจมูกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งถ้าน้องหมาไม่สามารถลดอุณหภูมิในร่างกายได้ทัน ก็จะทำให้เกิดอาการลมแดด หรือฮีตสโตรกได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้ถึงชีวิตเลยล่ะค่ะ (อ่านเพิ่มเติมเรื่องฮีทสโตรก หรือลมแดด ได้ที่บทความ ทำยังไงดี เมื่อน้องหมาเกิดอาการ "Heat stroke" นะคะ) 
 

     ดังนั้นผู้เลี้ยงควรสังเกตดูอาการน้องหมาอย่างใกล้ชิดนะคะ โดยเฉพาะน้องหมาพันธุ์หน้าสั้น หรือน้องหมาที่มีถิ่นกำเนิดในเมืองหนาว ทนความร้อนได้น้อย  ถ้าเขาเกิดนอนอ้าปาก หายใจหอบ นอนแลบลิ้น หรือตัวน้องหมาร้อน ควรเรียกให้เขาเข้าบ้าน หรือ ให้ไปอยู่ในที่ร่ม ทางที่ดีควรเช็คเวลาไม่ให้น้องหมานอนอาบแดดเกิน 15 -20 นาทีต่อวัน และหลีกเลี่ยงการนอนอาบแดดในเวลาเที่ยงหรือกลางวันนะคะ ไม่เช่นนั้นอาจจะกลายเป็นน้องหมาแดดเดียว!! อร่อยเชียวล่ะค่ะ

 

 

     เสี่ยงเกิดภาวะขาดน้ำ

 

 

 

 

     ถึงแม้น้องหมาบางตัวที่ชอบนอนอาบแดดจะรู้สภาวะของตัวเองว่า ร้อนเกินไปแล้วนะ เริ่มกระหายน้ำแล้วนะ ได้โดยสัญชาตญาณ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถล่วงรู้ หรือคำนวนปริมาณการดื่มน้ำในแต่ละวันเพื่อชดเชยน้ำในร่างกายที่พวกเขาสูญเสียไปได้ อีกทั้งน้องหมาบางตัวยังขี้เกียจขอนอนอืด ไม่ยอมลุกไปดื่มน้ำเพื่อคลายร้อน รักษาอุณหภูมิในร่างกาย ซึ่งการขาดน้ำนอกจากจะทำให้อุณภูมิในร่างกายสูงขึ้นแล้ว ยังส่งผลต่ออวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เช่นจมูกแห้ง ผิวหนังแห้งเหี่ยว หัวใจเต้นเร็ว ส่งผลต่อระบบประสาท และอาจทำให้ช็อกได้เลยทีเดียวค่ะ  (อ่านเพิ่มเติมเรื่องภาวะขาดน้ำได้ที่ บทความ ภาวะขาดน้ำในสุนัข กับโรคสำคัญที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ค่ะ) 

 

     ด้วยเหตุนี้เอง เพื่อนๆ ควรเตรียมน้ำบริการน้องหมาไว้หลายๆ จุด ทั้งกลางแจ้งใกล้กับที่เขานอนอาบแดด (สำหรับน้องหมาจอมขี้เกียจ) และไว้ในที่ร่ม เผื่อน้องหมาจะเดินมาพักก่อนกลับไปอาบแดดใหม่อีกครั้งค่ะ แต่ก็อย่างที่บอกนะคะว่า ทางที่ดีควรควบคุมเวลาในการอาบแดดโดยเฉพาะน้องหมาที่ทนต่อความร้อนได้น้อย ไม่ควรปล่อยให้เขานอนอาบแดดไปเรื่อยนะคะ 

 

 

 

 

     การอาบแดดของน้องหมาไม่ใช่เรื่องอันตรายตราบใดที่เราสามารถดูแลให้กิจวัตรอันผ่อนคลายของน้องหมาอยู่ในขอบเขตที่ปลอดภัย เพราะไม่ว่าอย่างไร แสงแดดก็ยังเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์มีประโยชน์ต่อร่างกาย สร้างความกระชุ่มกระชวย ชีวิตชีวา และสมดุลทางอารมณ์ได้เป็นอย่างดี (ในแสงแดดยามเช้า และยามเย็นนะคะ) ยิ่งถ้าได้พาน้องหมาออกกำลังกายท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเช้าด้วยแล้ว ยิ่งจะถูกใจน้องหมา แฮปปี้ซัมเมอร์แบบสุดๆ ไปเลยล่ะค่ะ

 

 

บทความโดย : Dogilike.com

ข้อมูลอ้างอิง :

 

http://www.jjsiam.com/news-01/5/

http://www.ehow.com/how-does_5653327_dogs-vitamin-sun.html

http://thedailyrecord.com/2011/05/10/dogs-and-water-how-
to-play-and-exercise-safely/#ixzz2PH2xr81X

http://www.pekinews.com/why-do-dogs-like-to-sunbathe-
the-reason-behind-your-pekingeses-sunbathing/

http://www.petwave.com/Dogs/Dog-Health-Center/Skin-Disorders/Sunburn.aspx
http://antranik.org/the-offbeat-reason-why-cats-and-dogs-lay-in-the-sun-and-lick-their-fur/

 

รูปภาพประกอบ :
 

1funny.com  

www.dobermantalk.com 

pepperedthought.com

stillwellgray.ca

www.savedbydogs.com

dogs.thefuntimesguide.com

lisepetrauskas.com

www.angelcitypits.org
www.moveoneinc.com