การเลี้ยงสุนัขก็เหมือนกับการเลี้ยงเด็กนะครับ แต่ละวันก็จะมีเรื่องวุ่นวายเข้ามาให้เจ้าของอย่างเราได้ปวดหัวกันอยู่เป็นประจำ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่มีอยู่อย่างเปี่ยมล้น จนบางครั้งการซนจนเกินเหตุก็นำมาซึ่งอันตรายที่เจ้าของอย่างเราอาจคาดไม่ถึงได้เช่นกัน

     “บ้าน” สถานที่ที่ดูเหมือนจะปลอดภัยที่สุดสำหรับคนและน้องหมา จนบางครั้งเราเองก็อาจจะมองข้ามหรือหลงลืมอันตรายใกล้ตัวบางอย่างไป แต่อุบัติภัยที่เกิดขึ้นกับน้องหมาส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นจากในบ้าน เพื่อเป็นการเตือนใจเราทุกคน เรามาดูสิว่า “อุบัติภัยใกล้ตัวสุนัขที่มีอยู่ในบ้าน” มีอะไรบ้าง
 

1. สารเคมีที่ใช้ในบ้าน
 

     เชื่อได้ว่าสิ่งเหล่านี้ทุกบ้านต้องมีต้องใช้กันอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็น ยาฆ่าแมลง ยากำจัดหนู น้ำยาถูพื้น ผงซักฟอก สารฟอกขาว ทินเนอร์ น้ำมันเครื่อง ฯลฯ คนอย่างเรารู้จักอันตรายของสิ่งเหล่านี้กันดีอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาจะนำมาใช้ ก็จะใช้กันอย่างระมัดระวัง แต่สำหรับน้องหมาที่ไร้เดียงสาประกอบกับความซุกซนตามนิสัย อาจเผลอไปเล่นและรับเอาสารเคมีเหล่านี้เข้าสู่ร่ายกายจนเกิดอันตรายขึ้นได้ ทั้งการได้รับผ่านการกิน การสัมผัสหรือแม้แต่การสูดดมก็ดี ล้วนแล้วแต่สร้างผลเสียให้กับน้องหมาได้ทั้งนั้น
 
     สีทาบ้าน ก็อาจเป็นอันตรายได้เช่นกัน น้องหมาบางตัวอาจมีนิสัยชอบเลียตามผนังกำแพง ก็สามารถรับสารไฮโดรคาร์บอนและสารตะกั่วที่เจือปนอยู่เข้าสู่ร่างกายได้ และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งเจ้าของมักใช้กันอยู่เป็นประจำ ทั้งกับตัวน้องหมาโดยตรงหรือกับสิ่งแวดล้อมที่น้องหมาอยู่ คือ ยากำจัดเห็บหมัด ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อน้องหมาได้เช่นกัน หากน้องหมารับเข้าสู่ร่างกายปริมาณมากเกินไปหรือเจ้าของใช้ไม่ถูกวิธี เพื่อนๆ สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน (พิษภัยของยาฆ่าเห็บหมัด ที่คนรักสุนัขต้องอ่าน...คลิก) ครับ  
 

2. พืชอันตรายที่ปลูกในบ้าน
 

     เจ้าของหลายคนอาจจะมองข้ามหรือยังไม่ทราบว่าพืชบางชนิดที่ปลูกอยู่ในบ้านของเรานั้น ก็อาจเป็นอันตรายกับน้องหมาได้เช่นกัน (ต้นไม้อันตรายต่อสุนัข ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2 ...คลิก) หากน้องหมาได้รับเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจากการเคี้ยวเล่นหรือกินเข้าไปก็ดี  บ้านไหนที่ปลูกพืชที่เป็นอันตรายสำหรับสุนัขเหล่านี้เอาไว้ ต้องระมัดระวังอย่าให้น้องหมาเข้าไปวิ่งเล่นใกล้ๆ ถ้าเป็นไปได้อาจแยกพืชที่มีพิษและเป็นอันตรายต่อน้องหมาไปปลูกในสถานที่ที่น้องหมาไม่สามารถเข้าไปเล่นได้ นอกจากจะเป็นการป้องกันอุบัติภัยที่จะเกิดขึ้นได้แล้ว ยังเป็นการป้องกันไม่ให้น้องหมาเข้าไปวิ่งเล่นทำลายพืชที่ปลูกไว้ด้วย
 

3. อาหารที่เป็นพิษสำหรับสุนัข
 

     ในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ละวันจะมีคนโทรศัพท์เข้ามายังสายด่วน (The poison hotline) ของสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งสหรัฐอเมริกา (ASPCA) ร้องเรียนเรื่องเกี่ยวกับสุนัขได้รับพิษจากอาหารต้องห้ามถึงวันละ 21 ราย นับว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องจากเจ้าของบางคนไม่ทราบว่าอาหารบางอย่างของคนนั้นน้องหมาไม่ควรกิน (อาหารต้องห้ามสำหรับสุนัข...คลิก) เพราะกินแล้วอาจก่อให้เกิดอันตรายกับสุนัขได้ ดังนั้น เจ้าของควรต้องหลีกเลี่ยงการนำอาหารดังกล่าวให้น้องหมากินไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือนำมาปรุงเป็นส่วนประกอบรวมอยู่ในอาหารอื่นๆ ก็ตาม
 

4. ยาและเครื่องสำอางของมนุษย์
 

     ยาและเครื่องสำอางที่เจ้าของทำหล่นบนพื้นหรือวางลืมไว้ หากน้องหมาไปพบเจอแล้วเผลอสัมผัสหรือกินเข้าไป ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน ในปี ค.ศ. 2011 สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งสหรัฐอเมริกา (ASPCA) รายงานว่าร้อยละ 26 ของเรื่องร้องเรียนที่โทรเข้ามายังสายด่วน (The poison hotline) ล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสุนัขที่ได้รับยาของมุนษย์เข้าไป ซึ่งยาที่เป็นอันตรายส่วนใหญ่ที่พบกับสุนัขบ่อยๆ ได้แก่ ยารักษาโรคหัวใจ ยารักษาโรคมะเร็ง และยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (แอสไพริน ไอบูโพรเฟน พาราเซตามอน ฯลฯ) ซึ่งส่งผลต่อร่ายกายของน้องหมาแตกต่างกันไปตามแต่ละชนิด

     และบางครั้งตัวเราเองก็อาจเป็นสาเหตุของอุบัติภัยให้กับน้องหมาโดยไม่รู้ตัว มีรายงานกรณีศึกษาสุนัขที่ได้รับฮอร์โมนทดแทนเอสโตรเจนแบบเฉพาะที่ ที่เจ้าของทาหรือฉีดพ่นบนตัว แล้วน้องหมาไปเลียกินหรือสัมผัสผ่านผิวหนังโดยบังเอิญ เป็นผลให้เกิดลักษณะผิดปกติทางเพศตามมา เช่น เหนี่ยวนำให้น้องหมาตัวเมียกลับมาเป็นสัดทั้งๆ ที่ทำหมันไปแล้ว หรือน้องหมาตัวผู้มีเต้านมขยายใหญ่ขึ้น ฯลฯ ซึ่งหากเจ้าของท่านใดใช้อยู่ แนะนำว่าควรสวมถุงมือขณะทาครีมหรือล้างมือทุกครั้งก่อนสัมผัสน้องหมา และควรสวมเสื้อผ้าเพื่อป้องกันน้องหมาสัมผัสฮอร์โมนบริเวณที่เราทาด้วยครับ
 

5. สายไฟและเครื่องใชไฟฟ้าในบ้าน

 

     สุนัขที่มีนิสัยชอบกัดชอบแทะอยู่เป็นประจำ หากเผลอไปกัดแทะปลั๊กไฟหรือสายไฟที่มีกระแสไฟอยู่ หรือเข้าไปยุ่งกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อาจมีกระแสไฟรั่วอยู่ อาจก่อให้เกิดอันตรายจากการถูกไฟฟ้าช๊อตได้ สุนัขบางตัวแสบยิ่งกว่านั้น อาจไปกัดเล่นและเผลอกลืนกินลงท้องเข้าไป โดยเฉพาะพวกสายไฟหรือหลอดไฟประดับเล็กๆ ซึ่งก็มีกรณีตัวอย่างในรายของเจ้าชาร์ลี ที่ "คอลัมน์ Daily dog" เคยนำเสนอไปให้เห็นแล้ว (สุดแสบ! สุนัขกลืนไฟประดับต้นคริสต์มาส..คลิก)
 
     วิธีการป้องกันที่ดี คือ การถอดปลั๊กไฟทุกครั้งที่เลิกใช้งาน ม้วนเก็บให้ดี ยกสูงให้พ้นจากสุนัข เพื่อป้องกันการกัดแทะเล่น แต่หากพบว่าสุนัขถูกไฟฟ้าดูด ให้รีบสับสวิทช์ไฟเพื่อตัดไฟเสียก่อน จากนั้นดึงตัวสุนัขออกจากสายไฟ แล้วรีบนำส่งสัตวแพทย์ การรักษาขึ้นกับความรุนแรง บางรายที่เกิดเพียงแผลไหม้จากไฟฟ้าช๊อต การรักษาเพียงได้รับการทำแผล ทายาหรือกินยาฆ่าเชื้อ แต่บางรายที่เกิดอาการช็อก ต้องให้สารน้ำทางเส้นเลือดและให้ออกซิเจน และเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
 

6. วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน

     วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ของมีคม กระดุม ลวด เศษเชือก เศษแก้ว เบ็ดตกปลา ฯลฯ เหล่านี้เจ้าของต้องเก็บเอาไว้ไห้ดีหากน้องหมาเผลอไปเล่นหรือกลืนกินเข้าไปก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ เมื่อไม่นานมานี้ผมได้รักษาน้องหมาตัวหนึ่ง ที่เแอบไปกัดหวีหนีบผมของเจ้าของเล่นจนติดกับซี่ฟันเอาไม่ออก ผลสุดท้ายคือต้องวางยาสลบแล้ว ค่อยๆ ค่อยตัดหวีหนีบผมที่ติดอยู่เป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อนำออก ดีที่น้องหมาตัวนั้นไม่เป็นอะไรมาก พบเพียงแผลในช่องปากเพียงเล็กน้อย

     ชายผ้าปูโต๊ะคลุมตู้และเตียงก็มีอันตรายเช่นกัน บางครั้งน้องหมาอาจซุกซน แล้วไปคาบดึงเล่นจนของที่วางอยู่บนนั้นหล่นลงมาทำอันตรายกับน้องหมาได้ เช่น จาน ชาม ส้อม มีด ฯลฯ ซึ่งบางครั้งอาจมีของร้อนๆ อยู่ในนั้น เป็นเหตุให้ลวกตัวน้องหมาได้
 

     เห็นแล้วใช่มั้ยครับว่า อันตรายที่สามารถเกิดขึ้นได้กับตัวน้องหมาอยู่ใกล้ๆ ตัวเราทั้งนั้นเลย อย่างที่ได้กล่าวไปว่าความซุนซนไร้เดียงสาน้องหมาก็เหมือนกับเด็กครับ เพราะฉะนั้นผู้ปกครอง (เจ้าของ) อย่างเราก็อย่าชะล่าใจเป็นอันขาดเลยนะครับ เพียงแค่เราใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่รอบตัวภายในบ้าน ก็ทำให้น้องหมาของเราปลอดภัยแล้วครับ และทั้งหมดนี้ก็คือ “ที่สุดของอุบัติภัยใกล้ตัวสุนัขที่มีอยู่ในบ้าน” คงจะทำให้เพื่อนๆ หันกลับมาใส่ใจกับอันตรายรอบตัวที่อาจส่งผลกับน้องหมาได้ไม่น้อย