โดย: Tonvet

3 อาการป่วยของน้องหมา ที่เจ้าของมืออาชีพไม่ควรมองข้าม

มาดูอาการป่วยสำคัญที่เจ้าของมืออาชีพอย่างเราไม่ควรมองข้าม

2 มกราคม 2556 · · อ่าน (283,687)
1,045

SHARES


1,045 shares

Dogilike.com :: 3 อาการป่วยของน้องหมา ที่เจ้าของมืออาชีพไม่ควรมองข้าม


     ความเจ็บป่วยของน้องหมาก็ไม่ต่างอะไรกับคนเรานะครับ หากจะต่างกันก็ตรงที่น้องหมาพูดไม่ได้ ไม่สามารถบอกให้เราทราบได้ว่าตัวเองกำลังป่วยอะไรอยู่ เพราะฉะนั้นเจ้าของอย่างเราก็ต้องคอยสังเกตอาการความผิดปกติของน้องหมาอยู่เป็นประจำ
 
    อาการที่เจ้าของมักจะสังเกตพบเห็น ส่วนใหญ่จะเป็นอาการที่น้องหมาแสดงความผิดปกติออกมาชัดเจน ได้แก่ อาเจียน ท้องเสีย ซึม ไม่กินอาหาร ไอ จาม เดินยกขา ขนร่วง เกาคัน ฯลฯ จึงทำให้เราสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย แต่อาการป่วยบางอย่างก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่าน้องหมาของเรากำลังป่วยได้เช่นกัน ซึ่งเจ้าของมืออาชีพอย่างเราไม่ควรมองข้าม เรามาดูกันสิว่ามีอาการอะไรบ้าง
 
 

เหนื่อยง่าย


Dogilike.com :: 3 อาการป่วยของน้องหมา ที่เจ้าของมืออาชีพไม่ควรมองข้าม

   
     อาการเหนื่อยง่าย (Exercise intolerance) ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าน้องหมาอาจกำลังป่วยได้ อาการนี้พบได้บ่อยในน้องหมาที่เป็นโรคอ้วนหรือมีอายุมาก หรืออาจกำลังป่วยด้วยโรคบางอย่าง เช่น โรคหลอดลมตีบ โรคหลอดลมในปอดอักเสบแบบเรื้อรัง (โรคหอบหืดในสุนัข) โรคหัวใจต่างๆ รวมถึงเนื้องอกและมะเร็ง ฯลฯ แต่สำหรับน้องหมาที่มีอายุน้อยๆ และมีปัญหาระบบทางเดินหายหรือเป็นสุนัขพันธุ์หน้าสั้นอยู่แล้ว ก็สามารถพบปัญหาอาการเหนื่อยง่ายนี้ได้เช่น
 
     เราสามารถสังเกตพบอาการเหนื่อยง่ายได้จาก การที่น้องหมาไม่ทนต่อการการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่เคยทำอยู่เป็นประจำ เช่น เคยวิ่งเล่นนาน 15 นาที ได้อย่างสบายๆ ไม่เหนื่อย ปัจจุบันวิ่งเล่นแค่เพียง 5-10 นาที ก็เหนื่อยจนต้องนั่งพักขอเวลานอกหรือนั่งหอบ ซึ่งอาการลักษณะเช่นนี้ จำเป็นต้องแยกออกจากปัญหาทางระบบกระดูกและข้อด้วย เพราะน้องหมาที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและข้อ เช่น ข้ออักเสบ ข้อสะโพกเสื่อม ฯลฯ ก็มักจะไม่ทนต่อการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายเป็นเวลานานๆ เช่นกัน เนื่องจากทำให้เกิดความเจ็บปวด ซึ่งหากเกิดจากสาเหตุกระดูกและข้อ น้องหมาอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เดินผิดปกติ ลุกยืนลำบาก ฯลฯ  
 
     สำหรับน้องหมาที่มีอาการเหนื่อยง่ายให้เห็นบ่อยๆ เราสามารถพาน้องหมาไปพบคุณหมอเพื่อทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ซึ่งคุณหมออาจจะพิจารณาส่งตรวจวินิฉัยด้วยการถ่ายภาพรังสีช่องอก (เอ็กซเรย์) ตรวจวินิจฉัยด้วยคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardioghapy) หรือตรวจเลือด ฯลฯ ต่อไป เพื่อหาสาเหตุของความผิดปกติดังกล่าว

 

หายใจลำบาก


Dogilike.com :: 3 อาการป่วยของน้องหมา ที่เจ้าของมืออาชีพไม่ควรมองข้าม

     
     ปกติน้องหมาจะมีการหายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป ลมหายใจเข้าแล้วออกหนึ่งรอบให้นับหนึ่งครั้ง ในหนึ่งนาทีน้องหมาจะหายใจประมาณ 20-40 ครั้ง ขณะหายใจเข้ารับลมเข้าปอด ช่องอกจะขยายเล็กน้อยกระบังลมไปดันช่องท้องให้กางขึ้น พอหายใจออกช่องท้องก็จะแฟบลงเป็นปกติ ไม่มีเสียงดังครืดคราดผิดปกติขณะหายใจ
 
     น้องหมาที่หายใจลำบาก (Dyspnea) จะมีลักษณะความผิดปกติของการเคลื่อนไหวของช่องอกและช่องท้องในขณะที่หายใจ บางครัังอาจพบเห็นการอ้าปากหายใจหรือยืดคอหายใจ มีจังหวะการหายใจที่ไม่สม่ำเสมอสั้นบ้างยาวบ้างสลับกันไป เราสามารถแยกการหายใจลำบากออกเป็น หายใจเข้าลำบาก (Inspiratory dyspnea) แบบนี้จะสังเกตเห็นว่าช่วงเวลาหายใจเข้าจะยาวนานกว่าการหายใจออก บางครั้งอาจได้ยินเสียงผิดปกติขณะหายใจ หรือขณะหายใจเข้าช่องท้องกลับยุบ เพราะต้องใช้แรงจากช่องท้องช่วยหายใจ ลักษณะอาการเช่นนี้ส่วนใหญ่จะเกิดจากความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจส่วนต้นตั้งแต่จมูกถึงหลอดลม เช่น รูจมูกตีบแคบ เพดานอ่อนของช่องปากยื่นยาว มีสิ่งแปลกปลอมหรือก้อนเนื้องอกอุดตันในโพรงจมูก ฯลฯ แต่หากน้องหมาหายใจออกลำบาก (Expiratory dyspnea) เราจะสังเกตเห็นว่า ช่วงเวลาหายใจออกจะยาวนานกว่าการหายใจเข้า อาจมีอาการไอร่วมด้วยก็ได้ ส่วนใหญ่จะเกิดจากความผิดปกติของช่องอก ปอดและหัวใจ บางครั้งอาจมีการสะสมของของเหลวหรืออากาศในช่องอก หรืออาจมีอวัยวะในช่องท้องเข้ามาดันช่องอกก็ได้ ฯลฯ
 
     สำหรับน้องหมาที่มีอาการหายใจลำบากให้เห็นบ่อยๆ เราสามารถพาไปตรวจร่างกายกับคุณหมอ ซึ่งคุณหมออาจจะพิจารณาส่งตรวจวินิจฉัยด้วยการถ่ายภาพรังสีช่องอก (เอ็กซเรยฺ์) ตรวจวินิจฉัยด้วยคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardiography) หรืออาจจะใช้วิธีการวางยาสลบแล้วทำการส่องกล้อง Endoscope เข้าไปตรวจหาความผิดปกติ ฯลฯ เพิ่มเติมต่อไป

     ข้อควรระวัง ... บางครั้งอาการหายใจลำบาก ก็จัดอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นกันหากน้องหมามีลิ้นและเหงือกเปลี่ยนเป็นสีม่วง อ้าปากหายใจ หายใจไม่ออก ฯลฯ แบบนี้ควรรีบพาส่งโรงพยาบาลทันทีครับ

 

กินน้ำมาก-ปัสสาวะมาก


Dogilike.com :: 3 อาการป่วยของน้องหมา ที่เจ้าของมืออาชีพไม่ควรมองข้าม

   
     ปกติน้องหมาจะมีการสูญเสียน้ำออกจากร่างกายผ่านทางระบบต่างๆ แยกออกเป็น 2 ประเภท คือ การเสียน้ำในแบบที่วัดปริมาณได้ (Sensible loss) เช่น ทางปัสสาวะและอุจจาระ กับการเสียน้ำในแบบที่ไม่สามารถวัดปริมาณได้ (Insensible loss) เช่น การหอบ การหายใจ ฯลฯ ในขณะที่ร่างกายน้องหมาก็จะมีความต้องการน้ำประมาณ 50-70 มิลลิลิตร/กิโลกรัม/วัน 
 
     การที่น้องหมากินน้ำมาก (Polydipsia) นั้น หมายความว่า น้องหมามีความต้องการน้ำมากกว่า 100 มิลลิลิตร/กิโลกรัม/วัน เจ้าของสามารถทราบได้โดยการวัดปริมาณน้ำที่น้องหมากินไปต่อวันว่ามากกว่าปริมาณที่ได้กล่าวไปหรือไม่ ส่วนการที่น้องหมาปัสสาวะมาก (Polyuria) หมายความว่า น้องหมาขับปัสสาวะออกมามากกว่า 50 มิลลิลิตร/กิโลกรัม/วัน หรือมากกว่า 2 มิลลิลิตร/กิโลกรัม/ชั่วโมง การสังเกตการปัสสาวะมากนี้ค่อนข้างยาก เนื่องจากไม่ได้ทำการวัดปริมาณปัสสาวะ สุนัขบางตัวปัสสาวะนอกบ้าน และบางครั้งอาจทำให้เจ้าของสับสนกับการที่น้องหมาปัสสาวะบ่อยหรือถี่ขึ้น (Pollakiuria) ซึ่งอาจไม่ได้หมายความว่า น้องหมาจะมีปัสสาวะมากกว่าปกติก็ได้  ดังนั้นการจะทราบได้ว่าน้องหมาปัสสาวะมากขึ้นหรือไม่ หากไม่ได้ทำการวัดปริมาณปัสสาวะชัดเจน จะต้องอาศัยการสังเกตอย่างใกล้ชิดและเปรียบเทียบปริมาณจากการคาดคะเนดูว่า ปัสสาวะมากขึ้นกว่าในอดีตอย่างเห็นได้ชัดหรือไม่
 
     สำหรับน้องหมาที่กินน้ำมากปัสสาวะมาก อาจมีสาเหตุมาจากการป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่น โรคเบาจืด (Diabetes insipidus) โรคเบาหวาน (Diabetes meiiitus) โรคไตวายเรื้อรัง โรคมดลูกอักเสบเป็นหนอง (Pyometra) โรคตับ โรคไฮเปอร์ไทรอยด์ (Hyperthyroidism) โรคคุชชิง (Cushing's syndrome) โรคทางจิตประสาทที่ส่งผลให้กินน้ำมากขึ้น (Psychogenic polydipsia) ฯลฯ ซึ่งการจะทราบว่าน้องหมาป่วยด้วยโรคอะไรนั้น ต้องทำการซักประวัติและตรวจร่างกายเพิ่มเติม น้องหมาอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละโรค 

Dogilike.com :: 3 อาการป่วยของน้องหมา ที่เจ้าของมืออาชีพไม่ควรมองข้าม


     ทุกวันนี้สัตว์เลี้ยงมีชีวิตยืนยาวขึ้น ทำให้มีโอกาสป่วยด้วยโรคเรื้อรังมากขึ้น โรคพวกนี้ไม่ได้แสดงอาการปุ๊บปั๊บทันที แต่จะค่อยๆ เป็น ค่อยๆ แสดงอาการ บางทีอาการอาจคลุมเครือ ไม่ชัดเจน และบางครั้งเจ้าของก็ไม่ทราบว่าอาการนั้นอาจมีความสัมพันธ์กับโรคที่น้องหมากำลังเป็นอยู่ เพราะฉะนั้นการหมั่นสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของมืออาชีพอย่างเราไม่ควรมองข้ามครับ



บทความโดย: หมอต้น Dogilike.com
น.สพ.ธีรภาพ มุสิกานนท์
http://family.dogilike.com/tonvet/

รูปภาพประกอบ:
www.petside.com
www.drbeckersbites.com
www.dreamstime.com
www.pracob.blogspot.com
www.dogsbestlife.com