โดย: Tonvet
10 โรคเด่นในสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ ตอนที่ 2
มาอ่านต่อกับโรคสำคัญที่ในสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ เรียนรู้เพื่อรับมือก่อนคิดจะเลี้ยง
14 สิงหาคม 2556 · · อ่าน (52,786)
เมื่อตอนที่แล้ว มุมหมอหมา ได้นำเสนอโรคเด่นในสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้กันไปแล้ว 5 โรค ได้แก่ ภาวะ Zinc-responsive dermatosis โรคกล่องเสียงเป็นอัมพาต โรคข้อสะโพกเสื่อม โรคข้อกระดูกอักเสบ และโรคไขสันหลังเสื่อม ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับยีนหรือพันธุกรรมที่ถ่ายทอดต่อกันมาในกลุ่มน้องหมาพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ สามารถพบได้ต่างกันไปในแต่ละช่วงวัย บางโรคเป็นได้ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 1 ปี อย่างโรคกล่องเสียงเป็นอัมพาต บางโรคก็พบเมื่ออายุมากแล้ว อย่างโรคไขสันหลังเสื่อม
สัปดาห์นี้มาตามต่อกันว่า โรคเด่นที่เหลืออีก 5 โรคนั้นจะมีโรคอะไรบ้าง แต่ละโรคส่งผลกับน้องหมาอย่างไร และเราจะมีวิธีในการรับมือกับโรคเหล่านั้นอย่างไร ไม่พูดพร่ำทำเพลง เรามาลุยต่อกันเลยครับ
1. โรคลมชัก (Epilepsy)
โรคลมชักเป็นความผิดปกติของการนำกระแสไฟฟ้าในสมองส่วน cerebral cortex ทำให้ resting membrane potential ลดต่ำลงกว่าปกติ จึงถูกกระตุ้นได้ง่าย ผลคือกล้ามเนื้อเกิดการหดตัวเป็นชุดอย่างต่อเนื่อง อาการชักแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ ชักแบบเฉพาะที่ (Partial seizure) เช่น หน้ากระตุก เคี้ยวปาก กลุ่มอาการไล่งับแมลง (Fly Snapping Syndrome) ฯลฯ และชักแบบทั้งตัว (Generalized seizure) อาการคือ ล้มลงนอนชัก ขาเหยียดเกร็ง ทำท่าเหมือนว่ายน้ำหรือปั่นจักรยานอากาศ กัดฟัน ไม่สามารถควบคุมปัสสาวะและอุจาระราดได้ ไม่รู้สึกตัวในขณะเกิดอาการชัก ฯลฯ สุนัขส่วนใหญ่มักเกิดอาการชักแบบทั้งตัวมากกว่า โดยอยู่ดี ๆ ก็เกิดขึ้นเองและหยุดไปเอง โดยระยะเวลาในการชักจะต่างกันไป แต่หากชักอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 5 นาที จะอันตรายมาก เพราะสมองจะขาดออกซิเจนได้ ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
สุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้เป็นพันธุ์หนึ่งที่พบอุบัติการณ์เกิดโรคลมชักค่อนข้างสูง สาเหตุยังไม่แน่ชัดว่าเกิดจากพันธุกรรมหรือไม่ อาการชักยังมีสาเหตุอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคจากเชื้อไวรัส เช่น โรคไข้หัดสุนัข ฯลฯ มีน้ำตาลในเลือดต่ำ (พบบ่อยในลูกสุนัข) มีแคลเซียมในเลือดต่ำ (พบบ่อยในแม่หลังคลอด) เป็นโรคตับ เป็นโรคไตวาย ได้รับสารพิษ เช่น สตริกนิน ยาฆ่าแมลง ฯลฯ มีเนื้องอกในสมอง เป็นต้น ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกัน แนะนำว่าไม่ควรนำสุนัขที่ป่วยเป็นโรคนี้โดยไม่ทราบสาเหตุมาใช้เป็นพ่อหรือแม่พันธุ์
สำหรับน้องหมาที่ป่วยเป็นโรคลมชัก เจ้าของต้องหมั่นสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ช่วงก่อนที่จะชักหรือระยะออร่า (Aura) น้องหมาจะมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป บางตัวหลบซ่อนตัว หอน ร้องคาง ตัวสั่น น้ำลายไหลมาก หรือดุขึ้น ฯลฯ เหล่านี้เป็นสิ่งเตือนเจ้าของว่าอีกไม่นานน้องหมาจะชักแน่นอน ในช่วงที่น้องหมากำลังแสดงอาการชัก เจ้าของต้องระมัดระวังอันตรายจากการที่ตัวหรือหัวน้องไปฟาดกับสิ่งของ คุณหมอจะให้ยาระงับชักในรูปสวนทวารมาใช้ในกรณีฉุกเฉิน เจ้าของจะต้องระวังตัวเองด้วย เพราะน้องหมาที่ชักจะไม่รู้สึกตัว จึงอาจกัดเราได้ และหลังจากอาการชักสงบแล้ว น้องหมาอาจยังจำเจ้าของไม่ได้ บางตัวอาจซึมลง มึนงง เดินเซ และหายใจเร็ว ฯลฯ เจ้าของจึงต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
น้องหมาที่เป็นโรคลมชักจะต้องได้รับยากิน เพื่อลดความรุนแรงและความถี่ของอาการชักลง โดยยาระงับชักนั้นมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีผลข้างเคียงแตกต่างกันไป เจ้าของต้องมีวินัยในการป้อนยาให้น้องหมาอย่างเคร่งคัด สม่ำเสมอ จะขาดไม่ได้เด็ดขาด ตลอดจนต้องหมั่นพาน้องหมาเข้ารับการตรวจวัดระดับยาในกระแสเลือด และตรวจประเมินค่าตับ ค่าไตเพื่อดูผลข้างเคียงจากยาเป็นระยะ ๆ ด้วย โรคลมชักเป็นโรคที่ต้องได้รับการดูแลรักษาต่อเนื่องยาวนาน จะหยุดยาได้ก็ต่อเมื่อไม่พบอาการชักมาแล้วมากกว่า 1 ปีครับ
2. โรคต้อกระจก (Cataracts)
โรคต้อกระจกเป็นโรคตาที่สำคัญโรคหนึ่งในสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ คำว่า Cataracts มาจากภาษากรีกที่สะกดว่า katarraktes แปลว่า น้ำตก เพราะในอดีตเข้าใจว่า เป็นของเหลวข้นจากสมองที่ไหลมาเคลือบหน้าเลนส์ตาไว้ตาจึงขุ่น โรคกระจกตาในน้องหมาพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ส่วนใหญ่เกิดจากพันธุกรรม ถ่ายทอดผ่านยีนด้อย (Autosomal recessive gene) ซึ่งพบได้ตั้งแต่ช่วงอายุ 3-12 เดือน จัดเป็นโรคต้อกระจกประเภท Juvenile cataracts หรือ hereditary cataracts จากรายงานการสำรวจของ The American College of Veterinary Ophthalmologists ในปี ค.ศ. 1999 พบสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ที่ป่วยด้วยโรคต้อกระจกมากถึง 8% (107 ตัว ใน 1345 ตัว)
ปกติเลนส์ตาจะทำหน้าที่หักเหแสงและโฟกัสภาพให้ตกยังจอประสาทตา เมื่อเลนส์ตาเกิดการขุ่นมัวขึ้น จะทำให้แสงผ่านไปได้น้อย การมองเห็นภาพจึงไม่ชัด คล้ายมีอะไรมาบดบัง ทำให้เห็นภาพพร่ามัวจนถึงขั้นมองไม่เห็นอะไรเลย เจ้าของจะสังเกตเห็นว่า เลนส์ตาของน้องหมาจะขุ่นขาวขึ้น บริเวณตรงกลางในตำแหน่งของตาดำ มักจะพบรอยโรคที่ส่วนขอบเลนส์ตาก่อน อาจเป็นแค่ตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ น้องหมาที่เป็นจะเดินชนสิ่งของ โดยเฉพาะบริเวณที่ไม่คุ้นชินมาก่อน มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป บางตัวอาจก้าวร้าวขึ้น หงุดหงิดและตกใจง่าย เนื่องจากมองไม่เห็น ดังนั้นการเข้าหาน้องหมาควรส่งเสียงให้เขารู้ตัวก่อน สำหรับการรักษาจะใช้การหยอดยาเพื่อชะลอการขุ่นของเลนส์ตา ส่วนรายที่มองไม่เห็นแล้ว อาจพิจารณาผ่าตัดเอาเลนส์ตาออก แล้วใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไปแทนที่ครับ
3. โรคต้อหิน (Glaucoma)
โรคต้อหิน เป็นความผิดปกติของการไหลเวียนน้ำในช่องม่านตา ทำให้ความดันภายในลูกตาเพิ่มสูงขึ้น จนรู้สึกว่าดวงตาแข็ง ๆ คล้ายกับก้อนหิน ความดันภายในลูกตาน้องหมาปกติจะอยู่ที่ 16-30 มม.ปรอท ถ้าความดันลูกตาสูงมาก จะทำให้มีเลือดคั่งที่เยื่อตาขาว (ตาแดงจัด) กระจกตาบวมน้ำ (ตาสีฟ้า) เจ็บปวดลูกตา (น้องหมาจะเกาตาหรือเกาหน้าถู) รูม่านตาขยาย ลูกตาขยายใหญ่ (ตาโปน) มีน้ำตาไหลมาก จนอาจสูญเสียการมองเห็นได้ หากความดันลูกตาสูงมากกว่า 60 มม.ปรอท
ในน้องหมาพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้จะเป็นโรคต้อหิน ชนิดที่เป็นมาแต่กำเนิด (Congenital glaucoma) สามารถพบที่ตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ เกิดจากการผิดปกติของมุมขับออกของน้ำในช่องม่านตา (narrow/closed angle glaucoma) การตรวจวินิจฉัยจะใช้เครื่องวัดความดันลูกตา (Tonometer) รวมกับ Goniosope เพื่อตรวจดูช่องทางการระบายน้ำในช่องม่านตาออกว่าผิดปกติหรือไม่ การรักษามีใช้ทั้งทางยา ในกรณีที่เกิดอย่างเฉียบพลัน และการผ่าตัดในกรณีที่เป็นรุนแรงหรือเรื้อรัง หลักการ คือ เพื่อลดการสร้างและเพิ่มการระบายออกของน้ำในช่องม่านตาครับ
4. โรคจอประสาทตาเสื่อม (Progressive Retinal Atrophy)
จอประสาทตา (Retina) เป็นที่รับแสงและส่งสัญญาณไปยังสมองเพื่อประมวลผลออกมาเป็นภาพให้เห็น การเสื่อมของจอประสาทตาในน้องหมาพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้นั้น เป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดผ่านยีนบนโครโมโซมเพศ (โครโมโซม X) เรียกว่า X-linked trait จึงพบลักษณะเหล่านี้ในเพศผู้มากกว่าเพศเมีย เนื่องจากเพศผู้มีโครโมโซม X เพียงเส้นเดียว โดยเป็นการเสื่อมของเซลล์รับแสงตัวสำคัญทั้ง rod และ cone เกิดได้กับตาทั้งสองข้าง และมักจะลงเอยด้วยการตาบอดในที่สุด มักพบในสุนัขที่มีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป เรียกความผิดปกติเช่นนี้ว่า Later onset -Progressive rod-cone degeneration
สำหรับน้องหมาที่ป่วยด้วยโรคนี้ การสังเกตความผิดปกติที่ดวงตาในระยะเริ่มแรก อาจไม่พบการเปลี่ยนแปลงใด ๆ จึงเรียกลักษณะเช่นนี้ว่า บอดตาใส ต่างกับโรคต้อกระจกที่เจ้าของจะสังเกตเห็นได้เลยว่าเลนส์ตาของน้องหมาจะเริ่มขุ่น สำหรับโรคจอประสาทตาเสื่อมเราอาจจะสังเกตพบว่า น้องหมาจะเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป มองไม่เห็นในเวลากลางคืน รูม่านตาขยายใหญ่กว่าปกติ ทำให้สังเกตเห็นว่าดวงตาน้องหมาวาวแสงมากขึ้น เป็นหนักเข้าจะเริ่มมองไม่เห็นในเวลากลางวัน เดินชนสิ่งของ ไม่กล้าเดินลงบันใด โดยอาการทั้งหมดจะค่อย ๆ พัฒนาไป จนสุดท้ายตาน้องหมาจะบอดสนิทภายในระยะเวลา 1 ปี
ในการวินิจฉัยคุณหมอผู้ชำนาญการด้านโรคตา จะทำการส่องตรวจตาด้วยกล้อง Ophthalmoscope ร่วมกับการตรวจดูคลื่นไฟฟ้าจอประสาทตา (Electroretinography) เพื่อดูการทำงานและตรวจหาความผิดปกติของจอประสาทตา ในต่างประเทศมีการพัฒนาชุดทดสอบทางพันธุกรรม (Genetic test หรือ DNA testing) เพื่อระบุน้องหมาพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ ที่อาจเป็นพาหะ (carrier) นำโรค และคัดกรองสุนัขที่เป็นไม่ให้นำมาใช้เป็นพ่อและแม่พันธุ์ต่อไป
ส่วนการรักษาในปัจจุบัน ทำได้แค่เพียงหยุดหรือชะลอการเสื่อมของจอประสาทตาให้ช้าที่สุด โดยเสริมสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินต่าง ๆ เช่น Vitamin E, Vitamin C, lutein, Omega-3 fatty acids, beta carotene และ Zinc ซึ่งบางรายอาจรักษาไม่ได้เลย ถ้าโรคเป็นรุนแรงแล้ว แต่น้องหมาก็จะปรับตัวได้ โดยใช้ประสาทสัมผัสอย่างอื่นที่เหลือซึ่งก็คือ การดมกลิ่นและการได้ยิน ซึ่งมีประสิทธิภาพดีจนเจ้าของบางคนอาจไม่รู้สึกเลยว่าน้องหมาได้เสียดวงตาไปแล้ว ยิ่งได้อยู่ในที่ที่คุ้นเคย ดังนั้นเจ้าของไม่ควรปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมที่น้องหมาอยู่บ่อย ๆ ระวังสิ่งกีดขวางที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับตัวน้องหมา กั้นบริเวณให้อยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีระดับต่างกัน หากต้องพาไปในที่แห่งใหม่ต้องใส่สายจูงและมีเจ้าของอยู่ด้วยตลอดเวลาครับ
5. โรคกระจกตาเสื่อม (Corneal Dystrophy)
กระจกตาหรือตาดำ (cornea) เป็นส่วนประกอบชั้นนอกของลูกตา กระจกตาปกติควรมีความใส น้องหมาพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ที่เป็นโรคกระจกตาเสื่อมจะมีการสะสมของไขมันจำพวกไตรกลีเซอรไลค์ในชั้น Epithelium หรือ Stoma ของกระจกตาเรียกว่า Corneal lipidosis หรือ Lipid keratopathy จึงทำให้กระจกตาขุ่น ขาว วาว คล้ายเกิดผลึกที่กระจกตา อาจพบได้ข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ มักพบในรายที่มีอายุมากและพบในเพศเมียมากกว่าเพศผู้
จากการศึกษาทางพันธุกรรมในสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้พบว่าเกิดจากการถ่ายทอดผ่านยีนด้อย (recessive gene) ในรายงานการสำรวจของ The American College of Veterinary Ophthalmologists ในปี ค.ศ. 1999 พบสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ที่ป่วยด้วยโรคกระจกตาเสื่อมประมาณ 3% (44 ตัวจาก 1,345 ตัว) การรักษาส่วนใหญ่จะรักษาไปตามอาการ จุดประสงค์ก็เพื่อลดอาการและควบคุมการสะสมของไขมันที่กระจกตา อาจต้องจำกัดอาหารประเภทไขมัน เพื่อป้องกันไม่ให้มีไขมันในเลือดสูงเกินไป สำหรับสุนัขที่เป็นป่วยเป็นโรคนี้ ไม่แนะนำให้ใช้เป็นพ่อหรือแม่พันธุ์ เพื่อป้องกันการเกิดโรคนี้ต่อไปยังรุ่นลูกครับ
เป็นไงกันบ้างครับกับ 10 โรคเด่นในสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ที่ มุมหมอหมา ได้นำเสนอไป อันที่จริงแล้วโรคที่พบได้บ่อยในน้องหมาพันธุ์นี้ยังมีอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น โรค Follicular dysplasia ที่เป็นความผิดปกติของการพัฒนาของรูขุมขน ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำผิดปกติ (Hypothyroidism) โรค Von Willebrand's disease (vWD) ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายขาด von Willebrand factor ทำให้มีปัญหาในการแข็งของเลือด หากมีบาดแผลเลือดจะหยุดยาก ตลอดจนโรคเนื้องอกและมะเร็งที่พบได้บ่อยในสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ เช่น เนื้องอกที่ลูกอัณฑะ (Testicular neoplasia) มะเร็งกระดูก (Osteosarcoma) มะเร็งของหลอดเลือด ( Hemangiosarcoma ) เป็นต้น
ซึ่งทั้งหมดที่ มุมหมอหมา นำมาเล่านี้ ก็เพื่อต้องการให้คนที่เลี้ยงหรือผู้ที่กำลังคิดจะเลี้ยง ได้ตระหนักและทำความเข้าใจ เพื่อเตรียมพร้อมในการรับมือกับโรคประจำพันธุ์ที่อาจเกิดขึ้นได้กับน้องหมาพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ของเรา ดังนั้นก่อนรับลูกหมามาเลี้ยงต้องตรวจดูให้ดีก่อน ขอดูใบประวัติครอบครัว ดูว่าเสี่ยงโรคประจำพันธุ์อะไรบ้าง จะได้หาทางรับมือและป้องกัน เพื่อชะลอไม่ให้เกิดโรคนั้นเร็วขึ้น โดยอาจขอคำแนะนำจากคุณหมอผู้ดูแลน้องหมาก็ได้ครับ
บทความโดย: หมอต้น ด็อกไอไลค์
น.สพ.ธีรภาพ มุสิกานนท์
www.dogilike.com
http://family.dogilike.com/tonvet/
เนื้อหาอ้างอิงบางส่วนจาก:
http://www.upei.ca/~cidd/intro.htm
http://www.shca.org
รูปภาพประกอบ:
www.vetstreet.com
www.thefullwiki.org
www.imgur.com
www.hillsvet.com
www.mspca.org
www.myoor.com
blogs.laweekly.com
www.amstaffnsw.weebly.com
www.shibashake.com
www.aecwilton.com
www.axsoris.com
SHARES