โดย: Tonvet
เรื่องน่ารู้ วิตามินดีในสุนัข ตกลงแล้วดีหรือไม่ดี
มาทำความรู้จักวิตามินดี ประโยชน์และโทษในสุนัข
27 ตุลาคม 2563 · · อ่าน (4,304)-
วิตามินดีมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการเมตาบอลิซึมของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกาย
-
สุนัขจะได้รับวิตามินดีจากกินอาหารเป็นหลักมากกว่าการสังเคราะห์ได้เองจากร่างกาย
-
สุนัขที่ขาดวิตามินดีหรือได้รับวิตามินดีมากเกินไป จะส่งผลต่อกระบวนการดูดซึมแคลเซียม และการสลายแคลเซียม ทำให้เกิดโรคเกี่ยวข้องกับกระดูกตามมา
ทุกวันนี้อาหารของสุนัขมีบทบาทสำคัญมากกว่าเพื่อใช้ในการดำรงชีพและความอิ่มท้องเท่านั้น แต่ก็ยังถูกพัฒนามาเพื่อบทบาทที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพอีกด้วย ปัจจุบันมีสูตรอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงมากมายซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการสุนัขของแต่ละตัว แต่หากสุนัขได้รับอาหารที่ไม่สมดุลกับความต้องการแล้ว ก็อาจทำให้เกิดโรคบางอย่างตามมาได้
ความสำคัญของวิตามินในสุนัขนั้น มีบทบาทใกล้เคียงไม่แพ้กับในมนุษย์ วิตามินที่มีอยู่ในอาหารอาจมาจากวัตถุดิบชนิดต่างๆ ซึ่งวิตามินแต่ละชนิดล้วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงานของร่างกายที่แตกต่างกันไป ในบทความนี้เราจะพูดถึง วิตามินดี (vitamin D) ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการเมตาบอลิซึมของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกาย เรามาดูกันว่า ถ้าน้องหมาขาดหรือได้รับมากเกินไปแล้ว จะเกิดผลกับสุนัขอย่างไรบ้าง
วิตามินดี ดีกับน้องหมาอย่างไร
วิตามินดี (vitamin D) เป็นวิตามินในกลุ่มที่ละลายในไขมัน จัดเป็นสารพวกสเตียรอยด์ มีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ Vitamin D2 (พบในพืช รา) และ Vitamin D3 (พบในสัตว์) วิตามินดีสามารถ สังเคราะห์ได้ในร่างกาย โดยอาศัยแสงแดดและใช้สารตั้งต้นที่มีอยู่ที่ผิวหนัง และเพื่อให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพวิตามินดีจะต้องผ่านขั้นตอนการเปลี่ยนรูปถึง 2 ครั้ง โดยเกิดขึ้นที่ตับและที่ไตตามลำดับ นอกจากนี้ร่างกายยังสามารถรับวิตามินดีได้จากการกินอาหารเข้าไปด้วย โดยอาหารที่มีวิตามินดีสูงในธรรมชาติก็ ได้แก่ ไข่แดง น้ำมันปลา นม และผลิตภัณฑ์ของนม เป็นต้น
วิตามินดี มีหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสจากหลอดไต ช่วยลดการสูญเสียของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในปัสสาวะ ช่วยให้การจับของแคลเซียมที่กระดูกดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ และทำหน้าที่ร่วมกับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ในการรักษาระดับแคลเซียมในกระแสเลือดให้ปกติ
ความต้องการวิตามินดีนั้นขึ้นกับปัจจัยต่างๆ ของสุนัขแต่ละตัว ทั้งสภาพแวดล้อม รูปแบบของสารอาหารที่ได้รับ ความเข้มข้นของอาหารที่มีส่วนประกอบของแคลเซียมและฟอสฟอรัส ตลอดจนช่วงวัย เพศ รวมถึงพันธุ์ของสุนัขด้วย ทั้งนี้สุนัขส่วนมากมักได้รับวิตามินดีจากอาหารเป็นหลัก "มากกว่า" การสังเคราะห์เองจากร่างกายซึ่งอาศัยปัจจัยจากรังสี UV-B จากข้อมูลของ AAFCO ให้มีการผสมวิตามินดีในอาหารของสุนัขปริมาณ 500 IU/kg.(DMB.)
วิตามินดี ตกลงแล้วดีหรือไม่ดี
การขาดวิตามินดี เป็นสาเหตุของความผิดปกติของโรคทางกระดูกในสัตว์ เช่น ภาวะกระดูกอ่อนในลูกสัตว์ ภาวะกระดูกนิ่มและโค้งงอในสัตว์ที่โตเต็มวัย ซึ่งมักจะมีอาการเจ็บปวดที่รุนแรงตามมา และอาจมีการแตกร้าวของกระดูกร่วมด้วยมักพบในลูกสุนัขพันธุ์ใหญ่
แต่ปัญหาที่มักพบได้มากกว่า คือ การได้รับวิตามินดีมากเกินไป การได้รับวิตามินดีเกินความต้องการจะก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงเกี่ยวกับการสร้างกระดูก และการเก็บสะสมของแคลเซียม ทำให้เกิดภาวะกระดูกอักเสบตามมาได้ ทั้งนี้เมื่อร่างกายได้รับวิตามินดีมากเกินไป ร่างกายจะดูดซึมแคลเซียมจากทางเดินอาหารมากกว่าปกติ รวมทั้งเร่งสลายแคลเซียมออกจากกระดูก ทำให้มีแคลเซียมในกระแสเลือดสูง ผลที่ตามมาคือ แคลเซียมและฟอสฟอรัสจะไปเกาะตามอัยวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหัวใจ ไต และหลอดเลือด ทำให้อวัยวะเหล่านี้ทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดอาการอ่อนแรง เบื่ออาหาร และอาจเสียชีวิตได้
อย่างที่ได้กล่าวไปว่าวิตามินนั้นมีบทบาทอย่างมากต่อการเจริญเติบโต และการควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย แต่ถ้าได้รับวิตามินมากไป หรือไม่เพียงพอก็อาจทำให้สุนัขนั้นเจ็บป่วยได้ บางคนพยายามสรรหาวิตามินบางอย่างมาเสริมให้กับสุนัขโดยไม่ทราบว่าหากได้รับปริมาณสูงมากเกินไปอาจทำให้สุนัขได้รับโทษมากกว่าประโยชน์ ดังนั้นก่อนจะเสริมสารอาหารอะไรให้กับสุนัข ผู้เลี้ยงควรปรึกษาสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อให้สุนัขได้รับสารอาหารที่เหมาะสมจะเป็นการดีที่สุดครับ
SHARES