ตลอดปี ค.ศ. 2014 ที่ผ่านมา มุมหมอหมา ก็มีบทความมากมายมานำเสนอกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ก็มีเพื่อน ๆ ให้ความสนใจเข้ามาติดตามอ่านกันอยู่ไม่น้อย แต่จะให้ยกมาเล่าทั้งหมดก็คงจะไม่ไหว บทความส่งท้ายของปีนี้ ผมจะพาเพื่อน ๆ ย้อนไปดูบทความเด่น ๆ ในรอบปีจากคอลัมน์ มุมหมอหมา มาดูสิว่าจะมีบทความอะไรบ้าง...นั่งไทม์แมชชีนตามผมมาดูกันเลยครับ

 

 

 

     เมื่อได้น้องหมามาใหม่ สิ่งแรกที่ผู้เลี้ยงทุกคนจะต้องนึกถึงคุณหมอเลยก็คือ การพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีน บทความนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความเข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีนของสุนัขในเชิงลึก เปิดเผยความจริงที่เจ้าของควรรู้ ในเรื่องของการฉีดวัคซีนของสุนัข ไม่ว่าจะเป็น...
 

     - ลูกสุนัขที่ได้รับวัคซีนเข็มแรก “ก่อนกำหนด” จะทำให้เสี่ยงป่วยเป็นโรคมากยิ่งขึ้น

     - สุนัขที่เพิ่งได้รับการฉีดวัคซีนไปอาจป่วยหรือแพ้วัคซีนได้

     - สุนัขที่ได้รับการฉีดวัคซีนครั้งแรกเพียงครั้งเดียว ไม่เพียงพอที่จะป้องกันโรคได้

     - หากไม่พาสุนัขมาฉีดกระตุ้นวัคซีนตามกำหนด โดยทิ้งระยะนานเกินไป จะต้องเริ่มต้นใหม่

     - แม้จะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันแล้ว สุนัขก็ยังสามารถป่วยได้

     - น้องหมาที่กำลังตั้งท้องอยู่สามารถฉีดวัคซีน (เชื้อตาย) ได้

     - ถ้าเราไม่พาน้องหมาไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคเรบีส์ (พิษสุนัขบ้า) ถือว่าผิดกฎหมาย

    
     ซึ่งการพาสุนัขไปเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคนั้น ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก จึงอยากให้เพื่อน ๆ ชาวด็อกไอไลค์ทุกคนใส่ใจเรื่องการพาน้องพาไปฉีดวัคซีนกันด้วยนะครับ ส่วนรายละเอียดทั้งหมดรวมถึงเหตุผลของทั้ง 7 เรื่องจริงเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนในสุนัขนี้จะเป็นอย่างไร เชิญเพื่อน ๆ เข้าไปอ่านได้ในบทความ 7 เรื่องจริงเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนในสุนัขที่เราควรรู้ กันครับ

 

 

 

     ตาเป็นหนึ่งอวัยวะในการรับรู้ที่มีความสำคัญของน้องหมาไม่แพ้จมูก หู หรือผิวหนัง เมื่อต้องสูญเสียการมองเห็นไปแล้ว อาจทำให้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตได้ไม่น้อย บทความนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จับกับโรคที่ทำให้น้องหมาสามารถสูญเสียการมองเห็นได้แบบเฉียบพลัน หรือ Sudden Vision Loss ไม่ว่าจะเป็น 

     โรคเส้นประสาทตาอักเสบ (optic neuritis) ซึ่งเป็นภาวะการอักเสบของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 2 หรือ optic nerve ทำให้การนำกระแสประสาทจากดวงตาไปยังสมองเสียไป 

 

     โรคต้อหิน (Glaucoma)  เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของความดันในลูกตาที่เพิ่มสูงขึ้นจากปกติหากเพิ่มสูงขึ้นจนถึง 60-70 มิลลิเมตรปรอท อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นได้เลยทีเดียว เนื่องจากจอประสาทตาได้รับความเสียหาย

    

     โรคจอประสาทตาเสื่อมแบบเฉียบพลัน (Sudden acquired retinal degeneration หรือ SARD) ทำให้น้องหมาสูญเสียการมองเห็นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่กี่วัน (ประมาณ 2-3 วัน จนถึงสัปดาห์) ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับดวงตาทั้งสองข้าง และพบได้ในน้องหมาทุกช่วงวัย

     โรคจอประสาทตาหลุดลอก (retinal detachment) สาเหตุของโรคนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง ทั้งที่เกิดจากความผิดปกติของดวงตาเอง เช่น การอักเสบของยูเวียส่วนหลัง (posterior uveitis) เป็นผลแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดรักษาเลนส์ตา ฯลฯ และผลจากการป่วยเป็นโรคทางระบบร่างกายอื่น ๆ เช่น ภาวะความดันโลหิตสูง ได้รับบาดเจ็บ มีการติดเชื้อรา เป็นโรคพยาธิในเม็ดเลือด ชนิด Ehrlichia spp. ฯลฯ 

 

     นอกจากการพาไปทำความรู้จับกับโรคตาแล้ว บทความนี้ยังพาเพื่อน ๆ ไปเรียนรู้วิธีการทดสอบว่าน้องหมายังสามารถมองเห็นได้อยู่หรือไม่ ซึ่งต้องอาศัยดูพฤติกรรมและทดสอบการมองเห็นหลาย ๆ วิธีประกอบกัน แต่ละมีวิธีการทดสอบอย่างไรนั้น สามารถเข้าไปติดตามได้ในบทความ ระวัง!! 4 โรคร้ายที่ทำให้น้องหมาตาบอดได้แบบเฉียบพลัน ครับ

 

 

 

     พูดถึงโรคมะเร็งทุกคนคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี น้องหมาก็สามารถป่วยเป็นมะเร็งได้เช่นเดียวกับคนเรา โดยเฉพาะมะเร็งผิวหนัง บทความนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จับกับ มะเร็งผิวหนังที่มีรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดดเป็นสาเหตุ เนื่องจากหากเซลล์ได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตประจำเป็นระยะเวลานาน จะทำให้เกิดการกลายพันธุ์ (mutation) ของยีนได้ เช่น ไปมีผลต่อเบสเกิดการขัดขวางการจำลองดีเอ็นเอ (DNA) เกิดความล้มเหลวในการซ่อมแซมดีเอ็นเอที่เสียหาย สูญเสียโมเลกุลที่ใช้ในการยึดเกาะที่เรียกว่า E-cadherin ได้ 

    
     ซึ่งมะเร็งทั้ง 3 ชนิด ที่จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักในบทความนี้ ก็ได้แก่ มะเร็งชนิด Squamous cell carcinoma (SCC) มะเร็งชนิด cutaneous hemangiosarcoma และ เนื้องอกชนิด Basal cell tumors มะเร็งทั้งสามชนิดนี้จะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร พบได้ในสุนัขพันธุ์อะไรบ้าง มีวิธีรักษาอย่างไร ติดตามได้ในบทความ 3 โรคมะเร็งผิวหนังในสุนัข ที่แสงแดด (อาจ) มีส่วน ครับ

 

 

 

     ในระหว่างการเดินทาง บางครั้งบางคราวเราอาจไปพบเจอน้องหมาที่กำลังประสบอุบัติเหตุอยู่ บางคนอยากที่เข้าไปช่วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยน้องหมาอย่างไรให้ถูกต้องและปลอดภัย บทความนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปเรียนรู้ขั้นตอนการช่วยเหลือน้องหมาที่ถูกรถชนอย่างปลอดภัยทั้งตัวน้องหมาและตัวผู้เข้าให้การช่วยเหลือ โดยเริ่มจาก...

     ประเมินสถานการณ์และสภาพสัตว์ป่วย ให้เข้าทางด้านหลังสุนัข แล้วประเมินดูว่า เกิดอะไรขึ้นกับสุนัขบ้าง สุนัขเป็นอย่างไร ระหว่างนี้ให้ติดต่อประสานงานกับคุณหมอหรือเจ้าหน้าที่เพื่อขอคำแนะนำเบื้องต้น

 

     ตรวจสอบสัญญาณชีพ เช่น การหายใจ ชีพจร การเต้นของหัวใจ และสีเยื่อเมือก หากไม่หายใจ ให้เราช่วยผายปอด mouth to nose ถ้าหัวใจไม่เต้น ให้เราทำการช่วยปั๊มหัวใจ

 

     ตรวจสอบภาวะเลือดออก ถ้ามีให้ใช้ผ้าสะอาดกดโดยตรง ใช้การพันรัดบนตำแหน่งแผล หรือใช้การพันขันชะเนาะด้วยสายรัดหรือผ้าแถบไม่เกิน 15 นาที แล้วคลายออกเป็นระยะ ๆ
 

    
     ตรวจสอบการหักของกระดูก ถ้ามีจะพบว่า มีการบวม เจ็บ อาจได้ยินเสียงกระดูกขยับกรอบแกรบ หรือมีลักษณะบิดงอผิดรูป ให้หาอุปกรณ์มาดามและพันไว้ก่อน เพื่อลดการเคลื่อนไหวน้อยที่สุด

 

     เคลื่อนย้ายอย่างปลอดภัย หากเป็นสุนัขตัวเล็กให้ใส่ในกล่อง ลัง หรือตะกร้า หากเป็นสุนัขตัวใหญ่ ให้วางตัวสัตว์ลงบนไม้กระดานแผ่นเรียบ โดยให้ตำแหน่งหัวอยู่ตรงแนวเดียวกับร่างกาย ใช้สายรัดตัวสุนัขไว้กับกระดาน เคลื่อนย้ายด้วยความปลอดภัยและใช้เวลาสั้นที่สุด

     การช่วยเหลือสุนัขที่ประสบอุบัติเหตุอย่างถูกต้อง สามารถช่วยลดความสูญเสียได้ไม่มากก็น้อย แต่อย่างไรก็ดี ในการเข้าให้การช่วยเหลือสุนัขนั้น ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเราไว้ก่อนด้วย อย่าประมาทเป็นอันขาดนะครับ  ไม่เช่นนั้นผู้โชคร้ายรายต่อไปก็อาจเป็นเราเสียเอง เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในบทความ 5 วิธีช่วยเหลือน้องหมาถูกรถชนอย่างปลอดภัย ครับ

 

 

     และนี่ก็เป็นบทความเด่น ๆ ในรอบปี ค.ศ. 2014 จากคอลัมน์ มุมหมอหมา เชื่อว่าถ้าเป็นชาวด็อกไอไลค์ตัวจริง ต้องเคยอ่านบทความเหล่านี้กันมาบ้างแล้วแน่นอน ถึงอย่างไรผมก็ต้องขอขอบคุณเพื่อน ๆ ที่คอยติดตามกันมาโดยตลอดเลยนะครับ

 

     สำหรับปีหน้า...เรายังคงพบกันเป็นประจำเช่นเคยทุกวันพุธ ด้วยเนื้อหาสารประโยชน์ที่มีความเข้มข้น กระฉับ และทันกระแสยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน ขอให้เพื่อน ๆ มีความสุขกับปีใหม่ที่จะมาถึง และก็อย่าลืมใส่ใจสุขภาพน้องหมาเหมือนเช่นเคยเลยนะครับ...สวัสดีปีใหม่ ค.ศ. 2015 ครับ 

 

 

 

 

บทความโดย หมอต้น ด็อกไอไลค์

น.สพ.ธีรภาพ มุสิกานนท์

www.dogilike.com 

http://family.dogilike.com/tonvet/

 

 

 

รูปภาพประกอบ: